Daily Archive: เมษายน 27, 2021

ทบ.ระดมรถทหาร 103 คัน หนุนภารกิจเคลื่อนย้ายผู้ติดเชื้อในกทม.และปริมณฑล

5

          27 เม.ย.64 – พลโทสันติพงศ์ ธรรมปิยะ รองเสนาธิการทหารบก/ผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 กองทัพบก เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ที่ยังคงส่งผลในวงกว้าง นายกรัฐมนตรี/รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้สั่งการให้เหล่าทัพเข้าสนับสนุนการอำนวยความสะดวกด้านการเคลื่อนย้ายผู้ติดเชื้อไปยังโรงพยาบาลสนามเพิ่มขึ้นในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล โดยศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง ได้บูรณาการยานพาหนะจากเหล่าทัพพร้อมพลขับ จัดตั้ง“ศูนย์สนับสนุนการเคลื่อนย้ายผู้ติดเชื้อ COVID-19 ศปม.”ขึ้น ทั้งนี้ในส่วนของกองทัพบก ได้ส่งยานพาหนะเข้าร่วมปฏิบัติงานในศูนย์ดังกล่าวแล้วตั้งแต่ 24 เม.ย. ที่ผ่านมา

          จากนโยบายของ พลเอก ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก ที่พร้อมนำทรัพยากรของกองทัพบกที่มีอยู่มาใช้ในการสนับสนุนและดูแลประชาชนในสถานการณ์ COVID-19 นั้น ล่าสุดได้สั่งการให้จัดตั้ง “ศูนย์ควบคุมการเคลื่อนย้าย ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคงกองทัพบก” เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระของกระทรวงสาธารณสุข ในการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยติดเชื้อได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งเป็นการสนับสนุนภารกิจของกระทรวงสาธารณสุขและส่วนราชการที่เกี่ยวข้องในกรณีฉุกเฉินตามความเหมาะสม โดยมอบให้ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 กองทัพบก บูรณาการศักยภาพด้านการขนส่งและการบริหารจัดการด้านการเคลื่อนย้ายของกองทัพบก ให้การสนับสนุนเพิ่มเติมในภารกิจเคลื่อนย้ายผู้ติดเชื้อไปยังโรงพยาบาลสนามในพื้นที่ กทม.และปริมณฑล

ที่มา : Thaipost

 
 
4

ประยุทธ์ คุม “ศูนย์กลางแก้ปัญหาเบ็ดเสร็จ” ผุดจุดคัดกรองทั่วประเทศ

2

          พล.อ.ประยุทธ์ นับ 1 แก้โควิด ยกระดับ ศบค. กลับไปใช้ “ศูนย์กลางในการแก้ไขปัญหาแบบเบ็ดเสร็จ” ตามเดิม ตั้ง “ศูนย์คัดกรองของรัฐ” ทุกจังหวัด บูรณาการฉีดวัคซีนหมอ-เอกชน-ประชาชน จัดสถานที่ฉีดรองรับ 3 แสนโดสต่อวัน

          วันที่ 26 เมษายน 2564 นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ภายหลัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมหารือกับผู้ที่เกี่ยวข้องพร้อมด้วยคณะที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี โดยที่ประชุม ได้มีความเห็นว่า การระบาดระลอกใหม่ของโลกในครั้งนี้เกิดขึ้นในหลายประเทศ โดยเฉพาะประเทศในแถบยุโรปและเอเชีย

          ทั้งนี้ ประเทศไทยได้มีการบริหารจัดการที่ผ่านมาเป็นอย่างดี จนนำไปสู่การผ่อนคลายกฎเกณฑ์ต่าง ๆ รวมถึงการใช้ชีวิตประจำวันเกือบเป็นปกติ โดยที่ผ่านมาอาจจะมีการระบาดเกิดขึ้นเป็นกลุ่มจังหวัด ก็ไม่มีการล็อกดาวน์เพื่อรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจให้ได้รับผลกระทบน้อยที่สุด

          นอกจากนี้ การระบาดระลอกเมษายน 2564 นี้มาเร็ว และกระจายตัวเร็วจนสร้างความวิตกกังวลแก่ประชาชนเป็นจำนวนมาก แม้ว่าไทยจะมีความพร้อมในการรับมือการระบาดครั้งนี้ แต่นายกรัฐมนตรีได้มีการหารือกับผู้ที่เกี่ยวข้อง พร้อมด้วยคณะที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรีในวันนี้ และเห็นควรที่จะดำเนินการดังนี้

ยกระดับ ศบค.- ตั้งศูนย์คัดกรองรัฐ ทั่วประเทศ

          1. ด้านการจัดการ ให้มีการ “ยกระดับ ศบค.” โดยให้เป็น “ศูนย์กลางในการแก้ไขปัญหาแบบเบ็ดเสร็จ”  เหมือนเดิม หลังจากที่ได้มีการผ่อนคลายและให้อำนาจกระทรวงที่เกี่ยวข้องได้ดูแลไปก่อนหน้านี้ ดังนั้น การแก้ไขปัญหาและการสร้างความมั่นใจแก่ประชาชน จะสามารถดำเนินการได้เบ็ดเสร็จและรวดเร็วยิ่งขึ้น

          2. ด้านการคัดกรอง ได้มอบหมายให้ ศบค. ดำเนินการจัดให้มี “ศูนย์คัดกรองของรัฐ” ในทุกจังหวัด โดยจังหวัดขนาดใหญ่ เช่น กทม. จำเป็นต้องมีหลายจุดเพื่อเพิ่มความสะดวกรวดเร็ว และหากพบผู้ติดเชื้อต้องมีการจัดส่งไปยังสถานที่รักษาที่เหมาะสม โดยกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงแรงงาน กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ ต้องดูแลให้มีความเพียงพอ

          3. ด้านการรักษาพยาบาลผู้ติดเชื้อ จัดให้โรงพยาบาลสนามที่พร้อมรับดูแลผู้ติดเชื้อที่ไม่มีอาการ เฝ้าระมัดระวังอาการ ส่วนผู้ที่มีอาการเริ่มต้น และที่มีอาการหนัก ต้องจัดให้มีสถานพยาบาล รองรับ ทั้งโรงพยาบาลของรัฐและเอกชน หรือสถานพักเอกชน โดย ศบค. จะกำกับและติดตามกระทรวงที่เกี่ยวข้องให้จัดสถานพยาบาลให้มีเพียงพอกับผู้ที่ติดเชื้อ

ตั้งเป้าฉีดวัคซีน 3 แสนโดสต่อวัน

          4. ด้านการฉีควัคซีน ศบค. จะเข้ามาดูแลการจัดสรรที่ควบคู่กันไปกับ บุคลากรทางการแพทย์ กลุ่มเสี่ยง ภาคธุรกิจ และประชาชน โดยความสามารถในการฉีดวัคซีน จะร่วมมือกับทุกภาคส่วน จัดสถานที่ที่เหมาะสม ลดการแออัดของโรงพยาบาล ที่ต้องมุ่งเน้นในการดูแลผู้ป่วย ผู้ติดเชื้อ

          ทั้งนี้เป้าหมายต้องฉีดวัคซีนทั้งประเทศให้ได้อย่างน้อย 3 แสนโดสต่อวัน และภายใน 4 เดือน คนไทยประมาณร้อยละ 60 ของกลุ่มเป้าหมาย หรือคิดเป็นประชาชนจำนวน 30 ล้านคน ที่จะต้องได้รับการฉีดวัคซีนเข็มแรก และให้ครบ 50 ล้านคน อย่างน้อยเข็มแรกภายในอย่างช้าไม่เกินสิ้นปี 2564 นี้

          5. สถานะการจัดหาวัคซีนของไทยภายในอีก 4 เดือนข้างหน้านี้ (พ.ค.- ส.ค. 64) จะมีสัญญาที่ยืนยันจัดส่งแล้ว 28 ล้านโดส โดยทั้งปีรวมกัน 63 ล้านโดส และอยู่ในระหว่างการเจรจาอีก 40 ล้านโดส จากหลายผู้ผลิต ซึ่งน่าจะได้รับทราบผลเร็ว ๆ นี้

          สำหรับในส่วนระบบการลงทะเบียนเพื่อฉีดวัคซีน ได้มีการเตรียมระบบ ”หมอพร้อม” เพื่อรองรับการลงทะเบียนของประชาชน ที่จะเริ่มในวันที่ 1 พ.ค. 64 นี้ ซึ่งหากระบบดังกล่าวขัดข้องหรือไม่สามารถดำเนินการได้ ก็จะมีระบบที่ได้เตรียมสำรองไว้แล้วโดยธนาคารกรุงไทยร่วมกับกระทรวงการคลัง

ย้ำ คนไทย 50 ล้านฉีดวัคซีนภายในสิ้นปี

          นายอนุชา กล่าวว่า นายกรัฐมนตรี ขอให้ประชาชนมั่นใจว่า รัฐบาลได้เตรียมการเรื่องนี้เป็นอย่างดี คนไทยกว่า 50 ล้านคนจะได้รับการฉีดวัคซีนภายในปี 2564 นี้อย่างแน่นอน และงบประมาณก็มีเพียงพอที่จะจัดหาวัคซีนได้อีกมาก ส่วนรายละเอียดอื่น ๆ นั้น ได้มอบหมายให้ ศบค. เร่งดำเนินการในแต่ละด้าน และรายงานกลับมาถึง นายกรัฐมนตรีภายในสัปดาห์หน้า โดยแสดงตัวเลขความเพียงพอในทุกมิติ เช่น จำนวนผู้เข้ามาคัดกรอง จำนวนเตียงที่ว่าง จำนวนยาที่ใช้รักษา จำนวนอุปกรณ์ทางการแพทย์ จำนวนการฉีดวัคซีน เป็นต้น และให้ ศบค. รายงานให้ประชาชนทราบทุกวัน เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่น

         “ในวันพุธที่ 28 เม.ย.ที่จะถึงนี้ ก็จะนำเรื่องต่าง ๆ ที่ได้สรุปในวันนี้นำเข้าหารือกับภาคเอกชน ที่แสดงตนมาช่วยรัฐบาลในเรื่องนี้ ว่ามีเรื่องใดที่ซ้ำซ้อน และเรื่องใดที่เสริมกันได้ โดยจะแบ่งหน้าที่กันไป เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ทั้งนี้เพื่อประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชน โดย นายกรัฐมนตรีได้ขอความร่วมมือร่วมใจของคนไทยทุกคน เพื่อก้าวผ่านอุปสรรคครั้งนี้ไปด้วยกันอีกครั้ง”

ที่มา : ประชาชาติธุรกิจ

4