วันปิยมหาราช 23 ตุลาคม น้อมรำลึกพระมหากรุณาธิคุณ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕

2036626

          วันปิยมหาราชเวียนมาบรรจบอีกครั้ง เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ประชาชนชาวไทยได้ถวายพระราชสมัญญานามว่า “พระปิยมหาราช” ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่พัฒนาประเทศด้วยพระราชกรณียกิจสำคัญหลายประการ 

ประวัติวันปิยมหาราช

          วันปิยมหาราช คือวันที่ 23 ตุลาคม ภายหลังพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว และได้จัดพิธีบำเพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน ถวายพวงมาลาที่ลานพระบรมรูปทรงม้า และจุดธูปเทียนเครื่องสักการะ เพื่อรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือ “การเลิกทาส” อันเป็นพระราชประสงค์ที่ต้องการให้เลิกทาสให้เป็นไทตั้งแต่พระองค์ทรงขึ้นครองราชย์
          ทาสในสมัยนั้นเป็นพลเมืองของประเทศไทย โดยมีมากกว่า 1 ใน 3 ของคนทั้งประเทศ รัชกาลที่ 5 ทรงเห็นว่าลูกทาสในเรือนเบี้ยสืบทอดกันมาไม่มีที่สิ้นสุด พ่อแม่เป็นทาส ลูกก็ต้องเป็นทาสไปตลอดชีวิต และเกิดจากความยากจนที่ต้องขายตัวเอง ซึ่งเท่ากับขายชีวิต จะถูกฆ่าหรือถูกกดขี่จากนายได้โดยไม่มีความผิด
          “การเลิกทาส” ระบุอยู่ในพระราชบัญญัติพิกัดเกษียณอายุลูกทาสลูกไทย ณ วันที่ 18 ตุลาคม 2417 เพื่อปลดปล่อยทาสให้เป็นไทโดยสันติวิธี ด้วยทรงไม่ต้องการเห็นการกดขี่และเหยียดหยามคนไทยด้วยกันเอง

 

ด้านการทหารและการปกครองประเทศ

– จัดตั้งกรมเสนาธิการทหารบกแบบต่างประเทศขึ้นเป็นครั้งแรก
– ตั้งโรงเรียนนายร้อยทหารบกและทหารเรือ
– จัดตั้งกระทรวง กรม กองต่างๆ
– จัดตั้งมณฑลเทศาภิบาลเพื่อดูแลส่วนภูมิภาค
– แยกงบประมาณแผ่นดินและเงินส่วนพระองค์ออกจากกัน

ด้านเศรษฐกิจและการคลัง

– จัดตั้งธนาคารครั้งแรก ชื่อ ธนาคารสยามกัมมาจล
– ตั้งโรงเรียนหลวงขึ้นครั้งแรกในพระบรมมหาราชวัง และขยายโรงเรียนสู่ภูมิภาคต่างๆ
– ส่งเอกอัครราชทูตไปประจำต่างประเทศเป็นครั้งแรก

ด้านคมนาคมและสาธารณูปโภค

– เสด็จประพาสประเทศต่างๆ เพื่อนำวิทยาการสมัยใหม่มาพัฒนาประเทศ
– สร้างถนน สะพานข้ามคลองหลายแห่งในกรุงเทพฯ
– สร้างทางรถไฟสายกรุงเทพฯ เชียงใหม่
– ก่อตั้งการประปา
– ก่อตั้งการไฟฟ้า จ่ายไฟครั้งแรก พ.ศ. 2433
– สร้างโรงพยาบาลศิริราช
– ก่อตั้งการไปรษณีย์

ด้านศาสนาและศิลปวัฒนธรรม

– สังคายนาพระไตรปิฎกด้วยอักษรไทยเป็นครั้งแรก และตราพระราชบัญญัติปกครองคณะสงฆ์

ที่มา : กรมส่งเสริมวัฒนธรรม

Share

You may also like...